Search-form

ชีวิตคู่... อยู่อย่างไรให้ราบรื่น



        ละคร ที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง...พระเอกกับนางเอกจะจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ ถือเป็นการจบเรื่องอย่างสวยงาม แต่ในชีวิตจริงแล้วมิได้เป็นเช่นนั้น การจูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์เป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต และเป็นชีวิตคู่ที่มีอีกคนหนึ่งเข้ามามีส่วนร่วมด้วยแทบทุกเรื่อง
        ดังนั้นการที่จะประคองชีวิตคู่ให้ไปตลอดรอดฝั่ง...จึงเป็นสิ่งที่ยากในสังคมปัจจุบัน ยิ่งทั้งสามีและภรรยาต่างต้องทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ และสามารถหารายได้ด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้ขีดความอดทนลดลง ขณะที่ความเก่งรอบด้านของผู้หญิงในยุคปัจจุบันมีมากขึ้น ทำให้ฝ่ายชายเกิดความรู้สึกด้อยค่า ก็อาจทำให้เป็นสาเหตุของการหย่าร้างแยกทางกันได้

        น.พ.ไกรสิทธิ์ นฤขัตพิชัย จิตแพทย์ โรงพยาบาลมนารมย์ ให้สาเหตุของการหย่าร้างแยกทางกันมากขึ้นของครอบครัวในสังคมไทยว่า สภาพสังคมไทยปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน โดยเฉพาะบทบาทหน้าที่ของสามีภรรยาที่ต่างไปจากเดิม ในอดีตผู้หญิงไม่ได้เรียนหนังสือ สิ่งที่ต้องเรียนรู้คืองานบ้านงานเรือนเพื่อเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน ขณะที่ฝ่ายชายเป็นพ่อบ้าน เป็นผู้ทำงานเลี้ยงดูครอบครัว การแต่งงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงในอดีต
        แต่ในปัจจุบัน สภาพสังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนไป ผู้หญิงทำงานเลี้ยงตัวเองได้ บางคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง มีรายได้สูงกว่าฝ่ายชาย ระดับการพึ่งพิงฝ่ายชายก็น้อยลง โอกาสที่ครอบครัวจะเกิดปัญหาความขัดแย้งก็เป็นไปได้สูง ถ้าหากฝ่ายหญิงไม่เข้าใจถึงความเสี่ยงของการเกิดปัญหา และฝ่ายชายไม่สามารถปรับตัว ปรับใจ ยอมรับบทบาทที่เด่นน้อยลงของตนเองได้
       สิ่งที่มักเกิดขึ้นในครอบครัวก็คือ สามีจะรู้สึกเสียหน้าด้อยค่าลง อาจจะนำไปสู่ปัญหาการมีภรรยาน้อยเพื่อที่จะชดเชยความรู้สึกด้อยค่าของตนเอง หรือในบางรายที่ฝ่ายหญิงให้เวลากับงานมากกว่าครอบครัว ฝ่ายชายที่มีความรู้สึกไม่มั่นคง ก็อาจจะระแวงว่าฝ่ายหญิงอาจกำลังไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นที่มีความสามารถ สูงกว่าตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งและการหย่าร้างในที่สุด

         จิตแพทย์ ย้ำว่า การประคองชีวิตครอบครัวให้ไปได้ตลอดรอดฝั่งนั้น หัวใจสำคัญของการครองคู่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และความตั้งใจในการที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งมีคำแนะนำหลัก 4 ข้อ เพื่อนำไปปรับใช้ในการครองคู่
      1. สามีและ ภรรยาต้องมีเป้าหมายตรงกัน คือมีความต้องการประคองชีวิตคู่ให้ดำเนินต่อไปได้อย่างสงบราบรื่น ถ้าหากไม่มีเป้าหมายตรงกันแล้ว ย่อมไม่มีพลังหรือกำลังใจที่จะทุ่มเทให้กับการแก้ปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ
      2. ความรู้สึกไม่มั่นคงภายในของฝ่ายชาย ความรู้สึกสูญเสียบทบาทความเป็นผู้นำ ในการบรรเทาผลกระทบของจุดอ่อนนี้สามารถทำได้โดยการพูดคุยทำความเข้าใจกันของ ทั้งสองฝ่ายว่าเรามีเป้าหมายร่วมกัน สิ่งใดที่ทำแล้วเกิดประโยชน์สูงสุดกับครอบครัว สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดี ทั้งนี้ในการแบ่งบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายจำเป็นต้องมีการพูดคุยตกลงกัน ควรหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบว่าบทบาทหน้าที่ของใครสำคัญกว่ากัน เพราะเป้าหมายใหญ่คือการทำให้ชีวิตครอบครัว ราบรื่นและสงบสุข
      3. สำหรับฝ่ายหญิงเมื่อรู้ว่าฝ่ายชายมีจุดอ่อนไหวเรื่องความมั่นคงภายใน ก็ควรระมัดระวังความรู้สึกของฝ่ายชายที่เกรงว่าตนเองจะด้อยค่า โดยภรรยาสามารถแสดงออกให้ สามีรับรู้ว่าตนเองยังมีคุณค่าต่อภรรยาได้หลายวิธี ตั้งแต่ การให้เวลาแก่กัน ให้โอกาสฝ่ายชายแสดงบทบาทช่วยเหลือฝ่ายหญิงบ้าง และถึงแม้ภรรยาจะเป็นหลักในการหารายได้เข้าบ้านก็ตาม ยิ่งต้องระมัดระวังความคิด ไม่หลงตัวเองหรือพลั้งเผลอคำพูด ท่าที เช่น การทวงบุญคุณเรื่องการหาเงินเข้าบ้าน จะทำให้เกิดปัญหารุนแรงได้ และถ้าเกิดความผิดพลาดดังกล่าวขึ้นมาจริงก็สมควรต้องขอโทษ อย่าถือทิฐิ ทั้งนี้ควรจะต้องเตือนตนเองบ่อย ๆ ในเรื่องการให้เกียรติสามี และการดูแลความรู้สึก

      4. การแสดงความเห็น การวิพากษ์วิจารณ์จากญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนรอบข้างที่เห็นต่างออกไป สามีภรรยาจำเป็นจะเตือนตนให้มีความมั่นคงและเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองกระทำ ไม่เอาคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นมาใส่ใจ และเก็บมาเป็นอารมณ์ทำให้เกิดความแตกแยกในครอบครัว ให้พยายามมองว่าผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ยังไม่เข้าใจ และที่สำคัญครอบครัวของเราจะสุขจะทุกข์ เขาไม่ได้มาเกี่ยวข้องด้วย
         แม้แต่ละครอบครัวจะมีรายละเอียดและพื้นฐานที่แตกต่างกัน แต่นี่คือหลักกว้าง ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ เพื่อให้อยู่ร่วมกันแบบ...ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร

ที่มา โรงพยาบาลมนารมย์

0 comments:

Post a Comment

Facebook Twitter Delicious Digg Stumbleupon Favorites More