Search-form

ฟันสวย เพิ่มเสน่ห์รอยยิ้มบนใบหน้า


      กระแสการจัดฟันยังคงเป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆ ทั้งวัยปรีทีนและวัยทีน โดยเฉพาะในครอบครัวที่มีปัญหาเรื่องกรรมพันธุ์ เช่น ฟันเก ฟันเขี้ยว ขากรรไกรล่างยื่น ฯลฯ
      หรือปัญหาจากการดูดนิ้ว ลิ้นดุนฟัน และการจัดฟันมีอัตราเพิ่มขึ้นรวดเร็วสูงถึง 3 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน อย่างไรก็ตามการจัดฟันเป็นการรักษาอย่างหนึ่ง แต่ก็ยังไม่วายมีคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นการจัดฟันเป็นเพียงแฟชั่นเพิ่มความเก๋เท่านั้น 

      การจัดฟันมีหลายรูปแบบแตกต่างกัน หลักการทำงานคือ ใช้แรงในการเคลื่อนย้ายฟัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสึกของฟันที่ผิดปกติ หรือการสบฟันที่ไม่เหมาะสม รวมทั้งปัญหาความผิดปกติของขนาดและความสัมพันธ์ของขากรรไกรต่อใบหน้า 

   รูปหน้าสวยได้(บ้าง)ด้วยการจัดฟัน
      ทพญ.อตินุช ชยานุภัทร์กุล ทันตแพทย์ประจำคลินิกทันตกรรมสวนทนต์ กล่าวว่า การจัดฟันเป็นการรักษาอย่างหนึ่ง คนที่อยากมาจัดฟันคือคนที่มีปัญหาอย่าง ฟันห่าง ฟันซ้อน หรือฟันล้มอยากใส่ฟันปลอมก็ต้องจัดฟันก่อน การจัดฟันทำให้สภาพในช่องปากดีขึ้น ฟันเรียงตัวสวยงาม 

      หลายๆ คนคงสังเกตเห็นว่าคนที่ผ่านการจัดฟันมักจะมีรูปหน้าที่เปลี่ยนไป จมูกดูโด่งขึ้น ในจุดนี้ ทพญ.อตินุช ชี้แจงว่า “อาจจะเป็นได้ ไม่ใช่ทุกคน แล้วแต่สภาพ การจัดฟันเปลี่ยนรูปหน้าได้ระดับหนึ่งเท่านั้น อย่างจัดฟันแล้วจมูกดูโด่งขึ้นเพราะมีฟันยื่น พอดึงฟันริมฝีปากบนโดนดึงยุบเข้าไป จมูกก็ชัดขึ้น ซึ่งเป็นผลดีสำหรับคนที่ฟันยื่น แต่ถ้าคนที่จมูกโด่งมากอยู่แล้วก็จะไม่ดันฟันเข้ามาก ในการจัดฟันก็จะทำแต่ละเคสๆ ไป จะต้องดูว่ารูปหน้าไม่ได้สัดส่วนตรงไหนจะแก้ตรงจุดนั้น คนนี้หน้าตาแบบนี้ทำยังไงถึงจะดีขึ้น อย่างคนหน้าสั้นก็ใช้ยางดึงฟัน ใส่เครื่องมือปรับขากรรไกรให้สูงขึ้น โดยปกติการจัดฟันจะทำให้หน้ายาวขึ้น เพราะระยะห่างจมูกกับคางยาวขึ้น ดูเรียวขึ้น บางคนคางยื่นเยอะถึงจัดฟันก็ไม่หาย เพราะขากรรไกรใหญ่ก็ต้องตัดขากรรไกรด้วย”

      ระยะเวลาในการจัดฟันอยู่ระหว่าง 1 ปีครึ่งถึง 3 ปีครึ่ง แล้วแต่ว่าฟันเลื่อนมากแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของคนไข้ด้วย คนไข้อายุน้อยก็จะเร็วกว่า อย่างไรก็ตามการรักษาฟันโดยการจัดฟันสามารถทำได้กับคนทุกวัย เพียงแต่ทำตั้งแต่อายุน้อยๆ จะดีกว่า เพราะอายุมากจะทำให้ฟันเลื่อนได้ช้า และเวลาดึงฟันจะมีความเจ็บมากกว่า ส่วนค่าใช้จ่ายสนนราคาเฉลี่ย 4 หมื่นบาทขึ้นไป 

   อันตราย! จัดฟันเพื่อความเก๋ 

      ผลการตรวจวิเคราะห์โดยทันตแพทยสภา พบว่าลวดและลูกปัดในการจัดฟันแฟชั่นที่ไม่ได้มาตรฐานมีสารเคมีอันตราย ทั้งสารตะกั่ว สารหนู และสารแคดเมียม นอกจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ แล้ว ยังอาจเกิดแผลในปากเรื้อรังถึงขั้นเป็นมะเร็งได้ 

      พล.ท.ทพ.พิศาล เทพสิทธา นายกทันตแพทยสภา กล่าวว่า กระแสนิยมในการจัดฟันแฟชั่นได้เปลี่ยนไปในระยะหลัง จากที่เคยใช้ลวดเส้นเล็กร้อยลูกปัดสีต่างๆ มาใช้เครื่องมือจัดฟันที่เลียนแบบเครื่องมือที่ทันตแพทย์ใช้ มีการใส่เครื่องมือที่ติดแน่นกับฟัน และเครื่องมือที่ถอดได้ โดยมีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยากซับซ้อนขึ้น และมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งวัตถุในการจัดฟันแฟชั่นส่วนมากจะไม่ได้มาตรฐาน อุปกรณ์ไม่มีการฆ่าเชื้อก่อนติดตั้ง ผลที่จะตามมาคือ หากเส้นลวดเกิดไปทิ่มเหงือก อาจเป็นบาดทะยักได้ ประกอบกับช่องปากเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อร่างกายได้เช่นกัน


      ด้านทพญ.อตินุช กล่าวว่า การจัดฟันแฟชั่นเป็นไปในลักษณะการติดเครื่องมือที่ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร การจัดฟันเป็นการรักษา การทำมีผลดีมากกว่าผลเสีย และเครื่องมือที่นำมาติดกันนั้นไม่ใช่เครื่องมือในการรักษา แค่เหมือนเท่านั้นเสี่ยงต่อการเป็นสนิมเมื่อโดนน้ำลายในช่องปาก เพราะเป็นเหล็กไม่ใช่สเตนเลส เป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง และเสี่ยงต่อการเป็นแผลในช่องปาก เพราะลวดบาดทำให้เกิดบาดทะยัก ยิ่งสถานที่ทำเสี่ยงต่อเชื้อโรค เครื่องมือไม่สะอาด วัสดุที่ใช้ไม่สะอาด และอาจติดเชื้อจากคนที่ทำก่อนหน้าเราได้ ถึงแม้ในเคสที่คนไข้มีสุขภาพปากและฟันดีอยู่แล้วแต่อยากจะมาจัดฟัน ก็ไม่แนะนำ ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายก็จริง แต่การติดลวดทำให้แปรงฟันไม่สะอาด ติดไปก็ไม่ได้ทำให้สุขภาพในช่องปากดีขึ้น จะกลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี

   ดูแลให้ฟันสวย ควร/ไม่ควร 
       อย่างน้อยที่สุดระยะในการจัดฟันประมาณ 2 ปี เพื่อให้ฟันเรียงเป็นระเบียบ แต่ก็มีบางรายที่ใช้เวลานานมากกว่านี้ 46 ปีก็มี เนื่องจากต้องมีการปรับสภาพฟันและรูปหน้า เช่นนั้นแล้วการที่มีลวดดัดฟันสวมทับฟันอยู่ตลอดเวลาเป็นระยะเวลานานๆ นั้น จึงเกิดปัญหาตามมา และที่พบในการจัดฟันคือ การเกิดสีขุ่นๆ บนผิวฟัน ผนังเนื้อเยื่อในช่องปากบวมแดง เกิดแผลในช่องปากซึ่งมักเกิดจากเหล็กจัดฟันไปเกี่ยวกับผิวในช่องปาก ทำให้เกิดเป็นแผลที่บริเวณผิวของปากด้านใน ฟันผุจากการกร่อนสลายไปของแร่ธาตุบนผิวเคลือบฟัน มีกลิ่นปาก เนื่องจากทำความสะอาดฟันได้ไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร เป็นอาทิ 

      ภญ.วรางคณา พรมจันทร์ กล่าวว่า สาร PVP มีชื่อเต็มว่า Polyvinyl Pyrrolidone มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรก โดยสาร PVP จะเข้าไปทำปฏิกิริยารวมตัวกับโมเลกุลของคราบสกปรกทำให้เกิดการละลายหลุดออกของคราบสกปรกที่ดีขึ้น และช่วยป้องกันการกลับมาจับตัวกันอีกครั้ง โดยการทำงานนั้น PVP จะเข้าไปทำปฏิกิริยาจับกับโมเลกุลของคราบสกปรก (Catechin) และทำให้คราบเหล่านั้นละลายออกมาพร้อมกับยาสีฟันในขณะที่เราแปรงฟัน จึงทำให้คราบสีฟันละลายหลุดออกมา ในขณะที่เราแปรงฟัน PVP จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการขจัดคราบฟันร่วมกับสารขัดฟัน (Abrasive) และสารทำความสะอาด (Detergent) ทำให้ฟันสะอาดสดใส แลดูขาวอย่างเป็นธรรมชาติ

      “ปัญหาของคนที่จัดฟัน ที่มักจะก่อให้เกิดความไม่มั่นใจในระหว่างการจัดฟัน ซึ่งใช้เวลาที่ต้องอยู่กับเหล็กจัดฟันกว่า 2 ปี นั่นก็คือ การมีสีขุ่นเทาๆ น้ำตาลๆ อ่อนๆ เกาะอยู่ซอกฟัน ซึ่งการใช้ยาสีฟันที่มีองค์ประกอบของสารขัดฟันเพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถเข้าทำความสะอาด ขจัดคราบในบริเวณซอกฟันที่ยากต่อการเข้าถึง เท่ากับว่าเรายังทำความสะอาดฟันได้ไม่ดีพอ แต่ด้วยความพิเศษของสาร PVP ที่มีโครงสร้างโมเลกุลที่สามารถละลายน้ำได้จึงสามารถละลายคราบสีบริเวณฟันได้ ช่วยลดปัญหาในส่วนที่การแปรงฟันเข้าไม่ถึง (ซึ่งทั้งคนจัดฟันและคนที่ไม่จัดฟันก็เกิดปัญหานี้ได้เช่นเดียวกัน)” 

      นอกจากนี้ ในระหว่างการรักษาควรระวังอาหารแข็ง เหนียว เพราะถ้าใช้ฟันกัดแรงจะทำให้วัสดุที่ติดฟันหลุดได้ ส่งผลให้การรักษาได้ผลช้า ควรแบ่งอาหารรับประทานคำเล็กๆ และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ฟันหน้าขบกัดอาหารสิ่งของต่างๆ 

     ต้องแปรงฟันให้สะอาด เศษอาหารจะติดง่ายเพราะมีซอกเยอะ แปรงฟันหลังอาหารทุกครั้ง และต้องระมัดระวังเพราะจะมีเลือดออกตามไรฟันบ่อยกว่าคนปกติ และควรใช้ไหมขัดฟันรวมด้วย ช่วงจัดฟันอาจมีกลิ่นปากควรพกน้ำยาบ้วนปากไว้ด้วยก็ดี

     ตรวจฟันเสมอ ในช่วงจัดฟันจะทำให้ฟันผุง่าย เพราะยากต่อการดูแลให้สะอาดจริงๆ ดูแลไม่ดีฟันผุได้ พยายามหลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่ต้องมีการกระทบกระแทกกันอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้วัสดุหลุด หรือเกิดแผลในช่องปากได้

ที่มา โพสทูเดย์ 

0 comments:

Post a Comment

Facebook Twitter Delicious Digg Stumbleupon Favorites More