เสียงมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท (Synapse) ทำให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงหยิบยกตัวอย่างของเสียงในแบบต่าง ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนาสมองลูกน้อยในทางบวกมาเป็นข้อมูลให้คุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้ และนำไปปรับใช้กับลูกน้อย อย่างเหมาะสมค่ะ
เสียงที่ดีต่อลูกเบบี๋
1. เสียงเพลงกล่อมเด็ก
เสียงร้องเพลงกล่อมจากแม่ มีความนุ่มนวลอ่อนโยน ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เป็นเสียงที่มีเนื้อร้อง คำคล้องจองที่ฟังได้ง่าย และหากคุณสังเกต จะพบว่าทุกครั้งที่ลูกได้ยินเพลงกล่อมก่อนนอน ลูกจะชื่นชอบ ช่วยให้ลูกสงบและหลับสบาย
2. เสียงกล่อมของพ่อ
เสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ ที่คุณพ่อร้องหรือฮัมเพลงพร้อมกับมีกิจกรรมร่วมกับลูก เช่น ให้ลูกเคลื่อนไหวตามจังหวะด้วยการโยกตัว ปรบมือหรือผงกศีรษะก็ตาม ลูกจะสนุกและมีความสุข และยังเป็นวิธีง่าย ๆ ในการออกกำลังแขน ขา พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก-มัดใหญ่
3. เสียงดนตรีคลาสสิก
เป็นเสียงที่ได้มีการตอบรับในกลุ่มพ่อแม่อย่างแพร่หลาย เพราะงานวิจัยหลายๆ ชิ้น แสดงให้เห็นถึงประโยชน์แล้วว่า ดนตรีคลาสสิกเป็นเสียงดนตรีที่มีคลื่นเสียงที่เป็นระเบียบ ทำให้ลูกน้อยรู้สึกผ่อนคลาย สมองส่วนการรับรู้เกิดการรับ-ส่ง และเชื่อมโยงเซลล์สมองที่แตกตัวมากขึ้น สมองจึงเปิดรับสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
4. เสียงธรรมชาติ
การช่วยให้ลูกเรียนรู้ ได้ฟังเสียงที่หลากหลายผ่านเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำไหล เสียงลม เสียงรถยนต์ หรือเสียงสัตว์ร้องต่างๆ โดยมีคุณเป็นผู้บรรยาย ช่วยอธิบายนั้น จะช่วยเพิ่มประสบการณ์สะสมข้อมูลการฟัง ช่วยต่อยอดไปถึงพัฒนาการด้านอื่นๆ ในอนาคต เพราะถ้าการฟังของลูกดี การสื่อสาร การใช้ภาษาก็ย่อมดีไปด้วยค่ะ
5. เสียงดนตรีไทย
แถมท้ายด้วยความเป็นไทย กับการนำดนตรีไทยหรือเพลงไทยเดิมมาเปิดให้ลูกฟัง เพราะดนตรีไทย เพลงไทยมีจังหวะและทำนองที่ละเอียดอ่อนละมุนละไม ช่วยสร้างความความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ไม่ต่างไปจากดนตรีคลาสสิก เป็นหนึ่งทางเลือกของคุณค่ะ
เสียงดีต่อสมองลูกอย่างไร
เสียงดีต่อสมองลูกอย่างไร
การช่วยให้ลูกรู้จักเสียงเพลงเสียงดนตรีหรือเสียงอื่น ๆ ก็ตาม เป็นการสร้างความรู้สึกทางด้านอารมณ์ ขณะเดียวกันก็เกิดกระบวนการรับรู้ที่ลูกซึมซับได้จากเสียง (อาศัยสมาธิในการฟัง) สมองส่วนหน้าจึงมีการรับ-ส่งข้อมูล ทำหน้าที่ในการเรียนรู้ เรื่องของจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เกิดการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ประสาทต่อกันมากขึ้น สมองจึงมีการพัฒนา เกิดประสิทธิภาพตามไปด้วย
ทั้งนี้ เสียงบางเสียงก็เป็นเสียงต้องห้ามที่พ่อแม่ระวังเช่น เพราะถ้าเป็นเสียงดนตรีที่มีจังหวะรุนแรง เช่น เพลงแร็พ เพลงร็อค ก็ส่งผลต่อความรู้สึก อารมณ์ และการแสดงออกในลักษณะก้าวร้าวได้
ขอขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร Mother & Care
0 comments:
Post a Comment