Search-form

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

สีชมพูช่วยให้ผ่อนคลาย มีความสุข และมีความคิดสร้างสรรค์

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

ไวน์แดงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถดำน้ำลึกได้ หากไม่กลัวน้ำ

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

ช็อคโกแลตอุดมไปด้วยสารเซโรโทนินและเอ็นดอร์ฟินที่ทำให้สบายใจ สดชื่น และมีความสุข

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

กาแฟร้อนไม่ใส่น้ำตาลและนม ช่วยแก้อาการเมาค้าง

Welcome to Info Variety ~ The pleasure of life's variety

ผัก ปลา และผลิตภัณฑ์จากนม ช่วยบำรุงให้ผมสวย

การเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ

สำหรับนักถ่ายภาพใต้น้ำ(และบนบก)มือใหม่ ที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อกล้องถ่ายภาพ ผมอยากให้ลองพิจารณาและเปรียบเทียบข้อมูล จากบทความวิจารณ์กล้องที่ผมได้ค้นหามานั้น พอจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้ คือ 1)กล้อง Compact 2)กล้อง Prosumer 3)กล้อง DSLR

1)กล้อง Compact รูปลักษจะเป็นแบบที่เราๆเห็นกันอยู่ทั่วไป มีขนาดเล็กกระทัดรัด ความละเอียดอยู่ที่ 7-12 ล้านพิกเซล ใช้งานง่าย เพียงเลือกโหมด Program หรือ Auto และกดถ่ายอย่างเดียว ตัวโปรแกรมจะปรับทุกอย่างให้อัตโนมัติ ฟังชั่นการใช้งานไม่ยุ่งยากมาก ปัจจุบันี้เทคโนโลยี่ก้าวไปไกลมาก กล้องCompact บางยี่ห้อมีฟังชั่นให้เล่นเทียบเท่ากล้องแบบ Prosumer มีทั้งแบบกันน้ำ และ ไม่กันน้ำ



Olympus Mju 1050SW
Pentax Optio WP

แบบกันน้ำ(Water proof) ผู้ผลิตออกแบบมาเพื่อให้สามารถถ่ายใต้น้ำได้ อยู่ที่ความลึกประมาณ 3-10 เมตร (ไม่ต้องมี Housing) เหมาะมากที่จะไปลุยลงไปว่ายน้ำ ดำน้ำแบบ Skin Diving (Snorkling) ได้สบายๆ สนนราคาอยู่ประมาณ 9,000-12,000 บาท เช่น Olympus Mju 1050SW, Pentax Optio WP แต่ก็มีข้อจำกัดคือ เมื่อเราเอากล้องลงน้ำไปด้วยแล้ว เกิดอยากจะดำลงไปลึกกว่า 10 เมตร ก็ไม่สามารถทำได้ 


NIKON - COOLPIX S-500
Housing NIKON - COOLPIX S-500

แบบไม่กันน้ำ แบบนี้มีให้เลือกมากหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ราคาไ่ม่แพงเกินไปนัก สนนราคาประมาณ 7,000-12,000 บาท เฉพาะบางรุ่น จะมี Housing เป็นอุปกรณ์เสริม ก่อนซื้อกล้องให้เช็คดูรุ่นของกล้องก่อนว่า มีHousingรองรับกล้องรุ่นนี้หรือไม่ เมื่อใช้ร่วมกับHousing หรือ กล่องป้องกันน้ำ สามารถดำน้ำได้ลึก 30-40 เมตร ราคา Housing ตกประมาณ 5,000-7,000 บาท เช่นกัน เบ็ดเสร็จก็หมื่นต้นๆ อันนี้เหมาะสำหรับมือใหม่ และ เบี้ยน้อยหอยน้อยเหมือนผม ข้อดี ราคาไม่แพงเกินไป ดำน้ำได้ลึกพอสมควร การบำรุงรักษาง่าย เช่น CANON IXUS 70, NIKON - COOLPIX S-500

2)กล้อง Prosumer รูปลักษณ์จะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย การใช้งานสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพได้หลายโหมด มีฟังชั่นหรือลูกเล่นใกล้เคียงกับกล้องรุ่นใหญ่ สามารถปรับ White Balance ชดเชยสีได้ (การถ่ายภาพใต้น้ำจะสังเกตุเห็นว่าภาพที่ได้มีสีอมฟ้า สามารถชดเชยแสงสีแดงได้จาก Function White Balance ที่มีอยู่ในกล้องบางรุ่น )หรืออาจใช้ฟิลเตอร์สีส้มชดเชยสีแดงได้เช่นเดียวกัน มีอุปกรณ์เสริมให้เล่นหลายอย่าง เช่น ฟิลเตอร์สี เลนซ์มุมกว้าง แฟลชภายนอก มีทั้งแบบดำน้ำลึก และ ไม่กันน้ำ


Canon G9
Canon Housing G9
Ikelite Housing G9



แบบไม่กันน้ำ เช่น Canon G7, G9,ราคาประมาณ 13,500 บาท ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ปัจจุบันมีรุ่น G10 ออกมาแล้ว ราคาประมาณ 16,000 บาท ส่วน Housingจะเป็นอุปกรณ์เสริม มีให้เลือกหลายยี่ห้อ ทั้งของ Canon เอง ราคาประมาณ 7,000 บาท และยี่ห้อ Ikelite #6147.09 ที่นิยมกันในหมู่นักถ่ายภาพใต้น้ำ มีความแข็งแรงทนทาน ปุ่มใช้งานสะดวก ถนัดมือ พร้อมทั้งมือจับ และที่ต่อพ่วงแฟลชภายนอก(Strobe) ได้ทันที ราคาอยู่ที่ 17,500 - 20,000 บาท อันนี้เหมาะสำหรับ ผู้กระเป๋าตุงหน่อยและพวกมือซน ชอบปรับโน่นปรับนี่ เบ็ดเสร็จก็ 2หมื่นต้นๆ ถึง 2หมื่นปลายๆ

SeaLife SL320 Mini

แบบดำน้ำลึก (Underwater Camera) ออกแบบมาเพื่อถ่ายใต้น้ำโดยเฉพาะ ตัวนี้ยกชุดพร้อมกล้องและHousing ยี่ห้อ SeaLife SL320 Mini ความละเอียด 6.0 ล้านพิกเซล (ถือว่าเพียงพอ) White Balance: Auto, Manual, Daylight, Cloudy, Fluorescent, Tungsten ดำน้ำได้ลึกถึง 40 เมตร มีโหมดถ่ายภาพใต้น้ำโดยเฉพาะ Backlight Underwater modes และ Sea mode มาโครใต้น้ำได้ 45cm., Shutter Speed 1/60 to 1/1000 second, Housing เป็นยางผสม Polycarbonate สนนราคาขายอยู่ที่ $250 หรือ 8,700 บาท ตัวนี้น่าสนใจ..ราคาย่อมเยาว์ แต่น่าเสียดาย ไม่มีขายในเมืองไทย หรือใครเคยเห็นช่วยบอกหน่อย...

3)กล้อง DSLR (Digital Single Len Reflex) เป็นกล้องขนาดใหญ่ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 600-1000 กรัม มีฟังชั่นครอบคลุม เกือบทั้งหมด Sensor รับภาพมีขนาดใหญ่กว่ากล้องรุ่นเล็ก จึงทำให้ภาพมีความคมชัดสูง และ Noise (Hot Deal Pixels) ก็มีน้อยกว่าด้วย มีไฟล์ฟอร์แมท RAW ที่มีความละเอียดของภาพสูงเป็นพิเศษ (เหมาะสำหรับนำไปขยายภาพขนาดใหญ่) สามารถถอดเปลี่ยนเลนซ์ได้ นอกจากแฟลชหัวกล้องแล้ว ก็ยังมีช่องต่อแฟลชภายนอกได้เพิ่มอีก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ แบบสมัครเล่น แบบกึ่งโปร และ แบบมืออาชีพ ทั้ง 3 ประเภทนี้มี Housing เป็นอุปกรณ์เสริม ใช้ดำน้ำได้ลึก 30-100 เมตร ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และ ราคา

Nikon D60
Nikon Housing D60


-แบบสมัครเล่น มีฟังชั่นการถ่ายภาพไม่ยุ่งยากมากนัก เช่น Nikon D40x, D60 ,Canon 350D 450D, Sony Alfa1 ราคาประมาณ 18,000-25,000 บาท (เฉพาะ Body) ราคาเลนซ์อยู่ที่ประมาณ 5,000-30,000 จนถึงหลายแสนบาท แล้วแต่ขนาดเลนส์ที่ใช้กล้องNikon D60 kit รวมเลนส์ 18-55 mm. VR ราคาประมาณ 21,900 บาท ส่วน Housing Nikon D60 อยู่ที่ 39,000-45,000 บาท อันนี้พวกกระเป๋าหนักเลยครับ เริ่มกันที่ 6หมื่นต้นๆ จนถึงแสนก่าๆ....ราคาที่แนะนำทั้ง 3 แบบนี้ ยังไม่รวมแฟลช(Strobe) นะคร้าบ...

Canon EOS 5D
Canon EOS Housing 5D



แบบSemi-Pro หรือกึ่งโปร มีฟังชั่นการใช้งานเกือบเทียบเท่ากล้องระดับมืออาชีพ เช่น Nikon D80, D300 ,Canon 40D, Canon EOS 5D เมื่อไม่กี่เดือนนี้ Nikon ได้ออกรุ่น D90 มี Liveview และสามารถถ่ายVDOได้ ราคาพอรับได้อยู่ที่ 35,000 บาท เฉพาะBODY กล้อง Canon EOS 5D ราคา 58,000 บาท และ Housing Canon EOS 5D อยู่ที่ 52,000-65,000 บาท 



อีกทั้งยังมีโรงงานผู้ผลิต Housing ที่มีชื่อเสียงจากประเทศเยอรมัน อย่างเช่น SEALUX ได้ผลิต Housing ของกล้อง แฟลช และ กล้องวีดีโอ ตัวถังทำจากวัสดุอลูมินั่ม แข็งแรง ทนแรงกดสูง เพื่อใช้กับกล้องระดับมืออาชีพ หลายรุ่น หลายยี่ห้อ อาทิ Nikon D700, D3, D90 Flash Nikon SB900Canon 50D, 5D Mark II กล้องVDO Camcoder ของ Sony, JVC, Panasonic, Canon และ อื่นๆอีกมาก ราคาหลักแสน จนถึงหลายแสนบาท


Hasselblad H3DII-50 ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล สนนราคาอยู่ที่ 1,400,000 บาท




แบบมืออาชีพ เช่น Leica M8, Nikon D3, Canon 1Ds Mark III , ราคาหลักแสนขึ้นครับ และมีรุ่นที่สูงกว่านี้ จะเป็นยี่ห้อ Mamiya, Rollie, Hasselblad H3DII-31 หรือ -50 นั้น อันนี้ซื้อรถได้เป็นคันเลยครับ ปัจจุบันพัฒนาความละเอียดไปถึง 31-50 ล้านพิกเซล ราคาไม่ต้องพูดถึง อยู่ที่ 500,000 - 1ล้านสี่แสนบาท เลยทีเดียว ใช้กันในสตูดิโอถ่ายภาพของมืออาชีพเลยครับ

แถมท้ายด้วยรุ่นพิเศษ ออกแบบมาเพื่อนักดำน้ำแบบ Snorkel โดยเฉพาะ ไม่ต้องหอบหิ้วกันรกพรุงพรัง มีปุ่มกดชัตเตอร์ที่หน้ากากดำน้ำเลย ภายในออกแบบมาครบหมด ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้ถ่าน 1.5 Volt AAA 2 ก้อน ความลึกอยู่ที่ 5 เมตร สนนราคาประมาณ $100 หรือ ประมาณ 3,500 บาท ตัวนี้ก็ยังไม่เห็นในเมืองไทยครับ



และสุดท้าย อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ (ถ้าอยากได้ภาพสีสรรสวยสด) ไฟแฟชล หรือ Strobe อุปกรณ์เสริมแฟลชภายนอกนั้น โดยทั่วไประยะของแสง สามารถถ่ายได้ไกลไม่เกิน 2 เมตร (ขึ้นอยู่กับชนิด และ ราคาของstrobe) การถ่ายภาพใต้น้ำมุมกว้างโดยไม่มี Strobe จะเสียเปรียบกว่าผู้ที่ใช้ Strobe เพราะแสงแฟลชจากหัวกล้อง มักจะมีวงแสงแคบ และผ่านบรรยากาศของน้ำไปได้ไม่ไกล แฟลชที่นิยมใช้กันในหมู่นักเล่น ก็มียี่ห้อ Sea & Sea ราคาขายกันอยู่ที่ประมาณ 10,000-60,000 บาท และใครที่คิดจะใช้ Strobe ก็ต้องมี Arm Set (ขาแฟลช) อีกแหละครับ มีแบบ Single กับ Double ก็คือ แบบ 1แขน และ 2แขน ราคาว่ากันเป็นแขนนะครับ..ที่เห็นขายกันในเมืองไทย เริ่มต้นข้างละประมาณ 2,300 บาท อันนี้แบบธรรมดายี่ห้อ Epoque Slot- Stay II (DX) แพงขึ้นหน่อยก็เป็น ยี่ห้อ Sea & Sea, Ocean Brite Systems, BrightStar จนถึงหลักหมื่น เช่น ยี่ห้อ INON เบ็ดเสร็จ Strobe+Arm อีกประมาณ 13,000 บาท (ได้ไปแขนเดียวเอง...เฮ้อ...)


Sea & Sea (Strobe) YS-90 Auto 
(Inc. Diffuser)

ราคา 24,300 บาท

YS-60 TTL/S (Inc. Diffuser)

ราคา 15,000 บาท


หมายเหตุ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง




Thanks : koratdiveclub.com

ผ้าชีมัค (shmagh, shemagh หรือ yashmag)

Keffiyeh ตามภาษาอาหรับ หรือ ผ้าชีมัค (shmagh, shemagh หรือ yashmag) ที่เราเรียกกันนั้น สำหรับผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ แสงแดดร้อนและฝุ่นทราย ขณะย่ำเท้าเหยียบย่าง ไม่มีอะไรที่จะช่วยปกป้องสิ่งเหล่านี้ให้กับชนท้องที่ได้ดีเท่ากับผ้าคลุมแบบนี้ ชาวอาหรับจะใช้ผ้าชีมัคนี้คลุมใบหน้าป้องกันฝุ่นทรายและเปลวแดด ซึ่งใช้กันมาอย่างยาวนานกว่าพันปี จากภาพข่าวทางCNNภาพยนตร์หรือสารคดีเราจะพบเห็นผ้าชีมัคนี้ถูกสวมใส่ บ้างโพกหัว บ้างพันคอเช่นอดีตผู้นำปาเรสไสตน์ อย่าง ยัดเซอร์ อาราฟัด ก็ใช้โพกหัวจนเป็นภาพที่คุ้นชินสำหรับชาวมุสลิมจนเป็นเอกลักษ์ ประโยชของผ้าชีมัคคล้ายๆกับผ้าขาวม้าบ้านเรา หากแต่ความหนานุ่มของเนื้อผ้าดูจะมากกว่า จากการใช้ในชีวิตประจำวันในการแต่งกายของชาวมุสลิมชาว บ้างก็ใช้ในชุดปฎิบัติการของหน่วยรบที่ทำงานในทะเลทราย ตั้งแต่อัฟกันนิสถาน ปากีสถาน อีรัก ฯลฯ จนหลายคนมักมองผ้าชีมัคเหมือนเป็นสัญลักษ์ของผู้ก่อการร้าย โดยสีของผ้าชีมัคนั้นมีหลายหลาย และเป็นที่นิยมแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่นสีขาวล้วนจะเป็นที่นิยมในแถบ คูเวต และ บาห์เรน  สีขาว-ดำ จะนิยมในแถบลิแวนต์ หรือสีแดง-ขาว ที่แทบจะเป็นสีประจำผ้าชีมัคของชาว จอร์แดนจริงๆแล้วผ้าชีมัคเริ่มเป็นที่นิยมในลักษณะแฟชั่น มาตั้งแต่ปี 1970 แล้ว ที่ประเทศอิสราเอลจนเริ่มเข้ามาสู่ประเทศสหรัฐราวๆปี 1980 แต่ยังไม่บูมถึงขีดสุด



แต่หลังจากทหารสหรัฐและอีกหลายชาติต้องเข้าไปปฎิบัติภารกิจในเขตทะเลทรายเป็นจำนวนมาก รวมถึงภาพที่ปรากฎในภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู๊ดหลายๆเรื่องทำให้ภาพของทหารพันผ้าชีมัคเริ่มเป็นที่คุ้นตา กับสาธารณะชนมากขึ้นประกอบกับ เมื่อกระแสแฟชั่นแนว Military เริ่มฮิต ผ้าชีมัคจึงเริ่มเข้าสู่วงการแฟชั่นสำหรับหนุ่มสาวไปด้วยโดยปริยาย ตั้งแต่ Milan, UK, Hollywood  จนถึง ญี่ปุ่นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งเอเซีย



สำหรับเมืองไทยความฮิตในการใช้ผ้าชีมัคก็ยังมีในกลุ่มคนที่เล่นBB GUN และเริ่มเป็นกระแสแฟชั่นไปยังกลุ่มคนทั่วไปที่เริ่มมองหาจับจองมาประดับคอ จนเป็นที่รู้จักและได้เห็นกลุ่มคนใช้ผ้าแบบนี้กันมากขึ้น

บทความโดย : JENOCiDE / SHEMAGH Mania

ผ้าชีมัคแห่งปาเลสไตน์ : สัญลักษณ์ของความเด็ดเดี่ยว


หากมีโอกาสได้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ร่วมเดินขบวนต่อต้านการทำสงครามในอิรัก หลายคนอาจสังเกตเห็นผ้าลายตารางสีขาว-ดำ ที่ถูกพันโพกปกคลุม ศีรษะ และไหล่ของผู้ร่วมเดินขบวนเหล่านั้น ซึ่งได้ปรากฏให้เห็นได้อย่างชินตา ผ้าเหล่านั้นคือ ผ้าชีมัค แห่งปาเลสไตน์ (Palestine kaffiyeh) ซึ่งเป็นอาภรณ์สำหรับโพกพันศีรษะตามวัฒนธรรมของชายชาวปาเลสไตน์บทบาทของผ้าชีมัคในประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในปาเลสไตน์จะช่วยอธิบายได้ว่าเหตุใดมันจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของปวงชนผู้ต้อสู้ดิ้นรนอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เพื่อต่อต้าน การรุกรานยึดครองอาณานิคม และ การกดขี่ข่มเหงต่างๆทั่วทั้งโลกในช่วงต้นทศวรรษ ปี 1900 อังกฤษได้ครอบครองประเทศ ต่างๆในอาณานิคม ในเขตตะวันออกกลางอยู่มากมายซึ่งรวมถึงปาเลสไตน์ ด้วยเช่นกัน  ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากได้รวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง เพื่อต่อสู้กับการรุกรานของอังกฤษด้วยทุกวิถีทางอันแสดงออกซึ่งการต่อต้าน จนกระทั่งอังกฤษตระหนักได้ว่าไม่มีทางที่จะปกครองดินแดนในอาณานิคมแห่งนี้ได้โดยปราศจากการเคลื่อนไหวต่อต้าน ทางการอังกฤษ จึงพยามใช้วิธีเจรจาเพื่อหลอกล่อชาวปาเลสไตน์ โดยสัญญาที่จะมอบเสรีภาพให้กับปาเลสไตน์ขณะที่ในเวลาเดียวกัน อังกฤษก็ปกป้องกลุ่มลัทธิไซออนนิสต์ (Zionist) ชาวยิว ที่ขยายตัวเข้ามา ซึ่งบรรดากลุ่มชาวยิวผู้ถือลัทธิ ไซออนนิสต์ นั้น ส่วนใหญ่อพยพมาจากเขตยุโรปเข้ามาตั้งรกราก และยึดครองดินแดน รวมถึงทรัพยากรต่างๆ จากพลเมืองท้องถิ่นชาวปาเลสไตน์ที่ไร้ซึ่งอาวุธ

ผ้าชีมัค เริ่มเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ และแพร่หลายในการเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ และต่อต้านในปาเลสไตน์ ในช่วงทศวรรษ ปี 1930 เมื่อกลุ่มองค์กรติดอาวุธได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพื่อต่อต้าน การขโมยและยึดครองดินแดนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักสู้เพื่อการต่อต้านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชาวชนบทที่โพกผ้าชีมัคตามวิถีพื้นเมือง และอาศัยอยู่ในเขตภูเขา หรือหมู่บ้านเล็กๆขณะที่การประดับศีรษะแบบทันสมัยด้วยหมวกเฟซ (Fez – หมวกแขก ทำด้วยผ้าสักลาด มียอดแบน) จะถูกสวมใส่โดย ชาวชุมชนเมือง และผู้อาศัยในเขตตัวเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกจับกุมโดยทางการอังกฤษ บรรดากลุ่มนักสู้ฝ่ายต่อต้านจึงต้องเข้าไปแฝงตัวในเขตตัวเมือง หรือชุมชนแต่ก็ยังคงพันโพกผ้าชีมัคอยู่ ซึ่งทำให้เป็นที่สังเกตได้ง่าย  ทางการอังกฤษตัดสินใจใช้มาตรการ ที่จะจับกุมทุกคนที่โพกผ้าชีมัคบนศีรษะ เพื่อต้องการกวาดล้างขบวนการต่อต้านให้หมดสิ้นไป แต่ผลตอบรับกลับหาเป็นเช่นนั้นไม่ ... กระแสตอบกลับต่อนโยบายนี้กลับตรงกันข้าม เมื่อ ผู้ชายชาวปาเลสไตน์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวเมือง หรือชาวหมู่บ้าน  ต่างพร้อมใจกันใช้ผ้าชีมัคแบบปาเลสไตน์ท้องถิ่นพันโพกศีรษะรวมถึง หยุดการพกบัตรประจำตัวประชาชน  ทำให้เหล่านักสู้ฝ่ายต่อต้านที่แฝงตัวปะปนอยู่ ไม่สามารถถูกค้นหาเจอการปฏิบัติเช่นนี้อย่างพร้อมเพรียงกันในทุกพื้นที่ของปาเลสไตน์ แสดงออกอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนอย่างท่วมท้น ต่อกลุ่มผู้ต่อต้าน   จวบจนช่วงทศวรรษ ปี1960 ผ้าชีมัคก็ถูกนำกลับมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการร่วมต่อต้านอีกครั้ง เมื่อกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายต่อต้านในปาเลสไตน์ ได้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการที่ประเทศอิสราเอล เข้ารุกราน และยึดครองดินแดนอย่างมหาศาลในเขตดินแดน เวสต์ แบงก์ (West Bank) และฉนวนกาซา (Gaza) ในปี 1967

ฝ่ายต่อต้านกลายเป็นที่สนใจจากคนทั้งโลก เมื่อ ไลลา คาห์ล  (Leila Khaled) และ สมาชิกฝ่ายซ้ายคนอื่นๆของ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์  ซึ่งเป็นกลุ่มลัทธิการปกครองแบบ มาร์คซิสต์ (Marxist) ได้พันโพกผ้าชีมัค ในการก่อเหตุ จี้เครื่องบินของสายการบินนานาชาติ ถึง 5 สายการบิน ....ปฎิบัติการดังกล่าวส่งผลให้ทั้งโลกหันมาให้ความสนใจ และจับตามองการต่อสู้ดิ้นรนของชาวปาเลสไตน์

เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาของ ท่านผู้นำ เยสเซอร์ อาราฟัต กระแสความนิยมในผ้าชีมัคก็เฟื่องฟูอย่างสูงสุดเขาได้ใช้ผ้าชีมัคนี้ คลุมประดับศีรษะตามรูปแบบดั้งเดิม ของชนชาวปาเลสไตน์ ในตลอดระยะเวลาหลายปี ตั้งแต่เข้าร่วมกลุ่มต่อต้าน จนกระทั่งถึงวันที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้นำแห่งรัฐอิสระปาเลสไตน์ ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่โหดร้าย ที่ชาวปาเลสไตน์ ต้องอดทน กับการถูกรุกราน และขับไล่จากดินแดนของตน การต่อสู้เยี่ยงวีรบุรุษของพวกเขา ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าชาย หรือหญิง ทั้งวัยรุ่น และวัยชราผู้คนจำนวนนับหลายพันคน ต่างเริ่มพันโพก ผ้าชีมัค อย่างภาคภูมิใจในความหมายของมัน ที่เป็นสัญลักษณ์ แห่งการต่อสู้ของชนชาวปาเลสไตน์เพื่อต่อต้านการรุกราน อย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นคง ตลอดมา

หมายเหตุ: บทความ แปล และเรียบเรียงภายใต้การได้รับอนุญาต จากเจ้าของบทความ “Socialism and Liberation magazine”ลิขสิทธิ์ในงานแปล และเรียบเรียง บทความนี้ เป็นของผู้แปล “JENOCiDE / SHEMAGH Mania”

เทพเจ้าเสริมดวงประจำราศีปีนักษัตร

สำหรับใครที่อยากเสริมดวงเพื่อความเป็นสิริมงคล และอยากมีเทพที่เอาไว้คุ้มครองหรือยืดเหนี่ยวจิตใจสำหรับปีนี้เทพองค์ไหนจะเหมาะกับปีนักษัตรคุณที่สุดเราหามารวมไว้ให้แล้วค่ะ


1. ปีระกา (ไก่) (ชง : ปะทะ) โดยตรงกับเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีเถาะโดยตรง อีก ทั้งยังมีดาวอัปมงคลเพ่งเล็งอยู่มากมาย โชคชะตาจึงตกต่ำมัวหมอง มีอุปสรรคปัญหารุมเร้า โชคลาภอับเฉา เงินทองรั่วไหล ต้องระวังอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่าง ๆ และต้องอยู่อย่างสงบเสงี่ยม อย่าทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะต้องรับผลกรรมที่ตามมา
วัตถุมงคลเสริมราศีปีเถาะ 2554
ควรหาทางป้องกันแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์ ปรับเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี โดยการจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "ไก่สวรรค์ มังกรเทพ คุ้มภัย เสริมโชคลาภ" เพื่อปกป้องคุ้มครองให้ชาวปีระกาแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"ไฉ่ซิ่งเอี๊ยประทับเสือ" องค์เทพเสริมราศีปีระกา 2554 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และ "ไฉ่ซิ่งเอี๊ยประทับเสือ" วัดเล่งเน่ยยี่

2. ปีเถาะ (กระต่าย) 
ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ "ทับองค์ไท้ส่วย" และมีดาวร้ายหลายดวงคอยคุกคามอยู่ โดยเฉพาะดาวกระบี่คม "เจี้ยนฟง" คอยจ้องทำร้ายให้บาดเจ็บ เลือดตกยางออก การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า และต้องระวังเรื่องอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่าง ๆ ให้ดี ฉะนั้นจงอย่าประมาท
วัตถุมงคลเสริมราศีปีเถาะ 2554 
หากคิดป้องกันแก้ไขกลับร้ายให้กลายเป็นดี จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "ช้างถวายคัมภีร์ เสริมส่งโชคลาภ บารมี" เพื่อสลายพลังร้าย ขจัดเคราะห์ ต้านภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"พระยูไล" องค์เทพเสริมราศีปีเถาะ 2554 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ ไท้ส่วยเอี๊ย"และ "พระยูไล" วัดเล่งเน่ยยี่

3. ปีมะเมีย (ม้า) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า "ร่วมชงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และยัง "ผั่ว (แตกแยก)" กับปีเถาะด้วย โดยปี นี้ดวงคุณมีดาวมงคลพระจันทร์ "ไท่อิน" และสวรรค์ยินดี "เทียนสี่" โคจรเข้ามาเสริมส่งให้ประสบความเจริญก้าวหน้าทั้งเรื่องความรักและการงานการ ค้า แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงเข้ามาคุกคามทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย การงานการค้าติดขัดเกิดปัญหา ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท
วัตถุมงคลเสริมราศีปีมะเมีย 2554 หาก 
หากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "งาช้างมงคล สมบัติล้ำค่า" ที่มีอานุภาพสูงส่ง เพื่อสลายพลังร้ายให้หมดไป พร้อมทั้งเสริมส่งความรักให้สมหวัง การงานการค้าเจริญก้าวหน้า มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"เจ้าแม่ทับทิม" องค์เทพเสริมราศีปีมะเมีย 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" วัดเล่งเน่ยยี่ และ "เจ้าแม่ทับทิม" บริเวณวัดเลียบสะพานพุทธ

4. ปีชวด (หนู) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า "ร่วมชงองค์ไท้ส่วยเอี๊ย" และยัง "เฮ้ง (เบียดเบียน)" กับปีเถาะด้วย โดยปีนี้ดวงคุณมีดาวมงคลนกคู่แห่งรัก "หง หลวน" และดาวแห่งความร่ำรวย "ฟู่ซิง" โคจรเข้ามาส่งความสุขสดชื่น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง แต่กลับมีดาวภัยเพราะปาก "เจวี่ยนเสอ" ดาวทุกข์ลาภ "พี๋ ม๋า" กับดาวสระน้ำเค็ม "เสียนฉือ" เข้ามาจ้องทำลาย จึงต้องปฏิบัติตัวให้ดี ทั้งคำพูดคำจาและเอาใจใส่ผู้อาวุโสให้ใกล้ชิด สิ่งสำคัญต้องลดละเลิกเรื่องสุรานารี ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท
วัตถุมงคลเสริมราศีปีชวด 2554 
หากคิดป้องกันแก้ไขควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "หงหลวนเคียงคู่ รักโชคล้นหลาม" ที่มีอานุภาพในการเสริมส่งความรัก และสุขภาพให้แข็งแรง การงานการค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นเปิดรับโชคลาภ พร้อมทั้งสลายพลังร้าย ขจัดปัดเป่าเคราะห์ภัย ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดทั้งปี
"องค์ลื่อต่งปิง" องค์เทพเสริมราศีปีชวด 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วยเอี๊ย" วัดเล่งเน่ยยี่และ "องค์ลื่อต่งปิง" ศาจเจ้าหลี่ตี้เบี้ยว เยื้อง สน.พลับพลาไชย

5. ปีมะโรง (มังกร,งูใหญ่) ปีนี้ดวงของคุณตามหลักโหราศาสตร์จีนถือว่า "ไห่(ให้ร้าย)" (เป็นการปะทะรูปแบบหนึ่ง)กับปีเถาะ กล่าวคือคุณจะเป็นคนที่มีอารมณ์ร้อนมากขึ้น โมโหง่ายไม่อดทนโดยไม่มีสาเหตุ เป็นเหตุให้การงานเสียหาย และมีศัตรูเพิ่มมากขึ้นได้
โดยปีนี้ดวงคุณมีดาวมงคลพระอาทิตย์ และดาวอานม้ามาช่วยเสริมส่งให้มีความเจริญก้าวหน้ามีชัยชนะเหนือคู่แข่ง ปรปักษ์แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงโคจรเข้ามาคุกคาม จึงต้องประพฤติตัวให้ดี ต้องจริงใจเป็นมิตร จึงจะได้รับความร่วมมือช่วยเหลือ และระวังเรื่องเงินทองรั่วไหล การใช้จ่ายที่เกินตัว จนอาจสร้างปัญหาได้
วัตถุมงคลเสริมราศีปีมะโรง 2554 
ฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "พระ อาทิตย์เสริมส่ง เรือมังกรให้โชคลาภ" เพื่อเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นโชคลาภให้สดใส เงินทองไหลเข้าไม่รั่วออก สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัยตลอดปี
"องค์ไท้เอี้ยงแชกุง" องค์เทพเสริมราศีปีมะโรง 2554 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ไท้เอี้ยงแชกุง" วัดเล่งเน่ยยี่ 

6. ปีฉลู (วัว) ปีนี้ดวงคุณมีดาวอัปมงคล หมาสวรรค์ "เทียนโกว" ดาวแห่งการสูญเสีย "เตี๊ยวเคอะ" และดาวหางเสือดาว "เป้าเหว่ย" ส่งผลให้ดวงชะตามัวหมอง โชคลาภอับเฉา ธุรกิจการงานประสบปัญหากับผู้บังคับบัญชาและคนรอบข้าง อีกทั้งต้องระวังอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด และต้องเอาใจใส่เด็ก ๆ กับผู้อาวุโสให้ดี อย่าได้ประมาท
วัตถุมงคลเสริมราศีปีฉลู 2554 
จงอย่าประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ปรับเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ)"หลีฮื้อ พ่นทรัพย์ โชคลาภสดใส" เพื่อ สลายขับไล่พลังร้ายให้สูญสิ้นไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้เงินทองไหลเข้าและหลุดพ้นจากเคราะห์ภัยต่าง ๆ อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"ฮั่วกวงไต่ตี่" องค์เทพเสริมราศีปีฉลู 2554 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "ฮั่วกวงไต่ตี่" ศาลเจ้าพ่อกวนอู เยาวราช

7. ปีขาล (เสือ) ปีนี้ดวงคุณมีดาวอัปมงคล "หวันสึน" และดาวป่วยไข้ "ปิ้งฝู" จอมมารแห่งโรคภัยที่คืบคลานเข้ามาคุกคาม จึงต้องระวังเรื่องความปลอดภัยต่างๆ ทั้งในบ้านและนอกบ้าน เอาใจใส่การงานการค้าให้ดี รวมทั้งเรื่องอาหารต้องถูกสุขลักษณะ จึงจะหลุดพ้นจากโรคภัย
วัตถุมงคลเสริมราศีปีขาล 2554 
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ)"โหงวฮก 5 ค้างคาว 5 พร มงคล" เพื่อ กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้เงินทองไหลมาเทมา การงานการค้ามีความเจริญก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรงแคล้วคลาดปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"ไท้เสียงเหล่ากุง" องค์เทพเสริมราศีปีขาล 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "ไท้เสียงเหล่ากุง" ศาลเจ้าหลี่ตี้เบี้ยว เยื้อง สน.พลับพลาไชย

8. ปีมะเส็ง (งูเล็ก) ปีนี้ดวงคุณมีดาวประตูมรณะ "ซั่งเหมิน" และดาวปฐพีพิฆาต "ตี้ซา" เข้ามาเพ่งเล็งส่ง ผลร้ายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ และอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางบนท้องถนนเป็นพิเศษ ส่วนด้านการงานและการค้ามักมีอุปสรรคไม่ก้าวหน้า จึงต้องเสาะแสวงหาแนวทางใหม่ๆ มาช่วยแก้ไข
วัตถุมงคลเสริมราศีปีมะเส็ง 2554 
ฉะนั้นเพื่อความไม่ประมาท จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "อูฐบรรทุกสมบัติ เต่าอายุวัฒนะ"เพื่อขจัดเคราะห์ภัย พร้อมทั้งเสริมส่งให้สุขภาพแข็งแรง การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นโชคลาภให้สดใส ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"เจ้าแม่กวนอิม" องค์เทพเสริมราศีปีมะเส็ง 2554 และเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "เจ้าแม่กวนอิม" โรงพยาบาลเทียนฟ้า เยาวราช

9. ปีมะแม (แพะ) ปีนี้ดวงคุณมีดาวมงคลหลายดวงโคจรเข้ามาเสริมส่ง ให้โชคชะตารุ่งโรจน์สดใส การงานการค้าเจริญก้าวหน้า แต่มีดาวผลุบโผล่ "ฝู่เฉิน" และดาวเลือดตกยางออก "เสว่เยิ่น" แทรกแซงเข้ามาสร้างความยากลำบากในการทำงานและการค้า รวมทั้งอาจเกิดเคราะห์ภัยเลือดตกยางออก และภัยที่เกิดจากทางน้ำ
วัตถุมงคลเสริมราศีปีมะแม 2554 
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "ฮก ลก ซิ่ว ประทานพร" เพื่อ คุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้มั่งคั่งร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง หมดเคราะห์หมดภัย สุขสบายมีชัยตลอดปี
"เจ้าแม่เทียนโหว" องค์เทพเสริมราศีปีมะแม 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "เจ้าแม่เทียนโหว" วัดเลียบสะพานพุทธ

10. ปีวอก (ลิง) ปีนี้แม้ดวงคุณมีดาวมงคลคุณธรรมพระจันทร์มาช่วยเสริมส่ง แต่ก็ไม่มีพลังพอที่จะต่อสู้กับดาวอัปมงคลที่ห้อมล้อมอยู่มากมายจึงส่งผลให้ สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย โชคลาภอับเฉา เงินทองรั่วไหล และอาจมีอุบัติเหตุเคราะห์ภัย ถูกปล้นชิงวิ่งราวและถูกทำร้ายได้
วัตถุมงคลเสริมราศีปีวอก 2554 
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไขกลับร้ายให้กลายเป็นดี จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "กวักโชคกวักลาภ เหลือกินเหลือใช้" เพื่อ เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง กระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้มั่งคั่งร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง พ้นเคราะห์พ้นภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"ซักบ่อเซียน" องค์เทพเสริมราศีปีวอก 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "ซักบ่อเซียน"โรงเจพ่งไล้กิวเกาะ ซอยโรงเลี้ยงเด็กสวนมะลิ

11. ปีจอ (สุนัข) ปีนี้ดวงคุณมีดาวมงคลดอกไม้จักรพรรดิ "จื่อเว่ย" และดาวคุณธรรมมังกร "หลงเต๋อ" โคจรเข้ามาเปล่งรัศมีสดใสอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้ประสบความสำเร็จทั้งการงานและการค้า สามารถมีชัยต่ออุปสรรคปัญหาทั้งหลายทั้งปวง แต่มีดาวทำลายให้พ่ายแพ้ "เป้าไป้" โคจรเข้ามาคอยซุ่มดักรอหาโอกาสทำลายท่านให้พ่ายแพ้ล้มครืนลง
วัตถุมงคลเสริมราศีปีจอ 2554 
ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท หากคิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "เต่า หัวมังกรจตุรทิศ เสริมลาภยศบารมี" เพื่อเสริมส่งลาภยศบารมีให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรืองกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ เงิน ทองไหลมาเทมา คุ้มครองให้ปราศจากอุปสรรคเคราะห์ภัย มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว
"เจ้าพ่อกวนอู" องค์เทพเสริมราศีปีจอ 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "เจ้าพ่อกวนอู"ศาลเจ้าพ่อกวนอู เยาวราช

12. ปีกุน (หมู) ปีนี้ดวงชะตาไม่ค่อยสดใส เนื่องจากมีดาวอัปมงคลรุมล้อมสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะดาวเสือขาว"ไป๋หู่" และดาวศัตรูที่ซ่อนเร้น "จื่อเป้ย" ที่ จะส่งผลทำให้เกิดเคราะห์ภัยต่าง ๆ อย่างไม่ทันรู้ตัวการงานการค้ามีอุปสรรค และมีศัตรูปรปักษ์แอบแฝงอยู่ โชคลาภการเงินอับเฉา จึงต้องระวัง อย่าประมาท
วัตถุมงคลเสริมราศีปีกุน 2554 
ฉะนั้นหากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ เสริมส่งโชคลาภให้สดใส จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว (ติดรถ) "หมื่นม้านำชัย เสริมส่งโชคลาภ" เพื่อ กระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ให้เงินทองไหลมาเทมา การงานการค้ามีเจริญก้าวหน้า แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี
"องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย" องค์เทพเสริมราศีปีกุน 2554 และ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลมากยิ่งขึ้น ควรไปไหว้ "องค์ตั่วเหล่าเอี๊ย" ศาลเจ้าพ่อเสือ

Thanks : Sanook.com

นมัสการ 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์

โชคลาภวาสนา
ผู้ที่ต้องการขอพรให้สมหวังในสิ่งที่มุ่งมาดปราถนา ประสบแต่โชคลาภและมีชิวิตอันอุดมสมบรูณ์ มักไปสัการะท้าวมหาพรหม และหลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตร

1.เทวาลัยท้าวมหาพรหม
ประดิษฐานอยู่หน้าโรงแรมแกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ ถนนราชประสงค์ เป็นสิ่งศักดิ์ที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเคารพนับถือมาก ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-22.30 น. จะมีผู้คนมาสัการะบูชากันไม่ขาดสาย พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน ผ้าหลากสี รูปช้างแกะสลัก หรือถวายละครรำ เป็นเครื่องบูชาแด่พระพรหมผู้สร้างโลกตามคติของศาสนาพราหมณ์ เพื่อความเป็นมงคลแก่ชีวิต มีโชคลาภและความปราถนา

2.หลวงพ่อโต วัดกัลยาณิตวรมหาวิหาร
พระพุทธไตรรัตนายก พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ เป็นพระประธานของวัดนี้ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่บนถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของชุมชนชาวจีนในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสัการะของชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนจากประเทศต่างๆ ซึ่งมักเรียกว่า ซำปอฮุดกง หรือ ชำปอกง ในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน และวันทิ้งกระจาด จะะมีผู้คนมาถวายสัการะมากเป็นพิเศษ โดยเชื่อว่าการไหว้หลวงพ่อโตช่วยให้ค้าขายร่ำรวย มีมิตรที่ดี และเดินทางปลอดภัย สามารถแวะมานมัสการหลวงพ่อโตและชมความงามของศิลปะแบบจีนได้ทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.

ความรักและเมตตา
หากท่านต้องการสมหวังในเรื่องความรักและได้รับความเมตตาจากผู้อื่น สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ควรรกราบขอพรคือ พระตรีมูรติและพระแม่กวนอิม ซึ่งถือว่าเป็นเทพผู้ทรงเมตาต่อมวงมนุษย์

3.พระตรีมูรติ
คือ องค์อวตารรวมของพระพรหม(ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้ปกป้องรักษา) และพระอิศวร(ผู้ทำลาย) ถือเป็นสัญลักษณ์ของมหาเทพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์ยุคใหม่ เรื่องราวเล่าขานถึงความสุขสมหวังในความรักจากการขอพร ทำให้ชื่อเสียงของพระตรีมูรตีเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มวัยรุ่น
ทุกๆ วันเราจะเห็นหญิงสาวหลายวัยไปพร้อมหน้ากันที่เทวาลัย ด้านหน้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวิลด์ ถนนราชประสงค์ โดยแต่ละคนจะมาพร้อมพวงมาลัยกุหลาบสีแดงและเครื่องบูชา รอเวลาพระตรีมูรติประทับทรง คือ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. ให้นำเทียนสีแดง 1 เล่ม ธูปแดง 9 ดอก และพวงมาลัยกุหลาบสีแดงไปบูชาพร้อมของสักการะตามศรัทธา โดยเฉพาะผลไม้จะเป็นที่โปรดปรานมาก

4.ตำหนักพระแม่กวนอิม
พระมหาเจดีย์ที่สูงสุดในเอเซียอาคเนย์เป็นพุทธศาสนาสถานมหายาน ภายในมีพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมทุกชั้น มีความวิจิตรงดงามมาก
สิ่งสำคัญของพระเจดีย์นี้คือ รูปพระแม่กวนอิมพันกรขนาดใหญ่ แกะสลักจากไม้จันทน์หอมจากจีน ปิดด้วยทองคำเหลืออร่ามทั้ง 4 องค์ บริเวณพระมหาเจดีย์ร่มรื่นไปด้วยไม้ประดับและสวนหินล้านปีแบบจีนเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ศาสนสถานแห่งนี้เป็นศุนย์รวมจิตใจของพุทธศานิกชนและเป็นสถานที่อบรมธรรมะ ซึ่งทางตำหนักได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมและประชาชนอย่างต่อเนื่อง ผู้สนใจสามารถแวะสัการะพระแม่กวนอิมได้ทุกวันที่พระตำหนัก ถนนโชคชัย 4 ซอย 39 ลาดพร้าว

สุขภาพพลานามัย
ผู้ที่ต้องการมีร่างกายแข็งแรงปราศจากโรงภัยไข้เจ็บมักขอพรจากพระแม่อุมาเทวี ให้ช่วยคุ้มครองตนเองให้พ้นจากความป่วยไข้

5.วัดพระศรีมหาอุมเทวี
ชาวบ้านนิยมเรียกว่า "วัดแขก" เป็นวัดในศาสนาพราหมณ์ฮินดูนิกายศักติ ซึ่งนับถือเทพสตรีเป็นใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณถนนสีลมตัดกับถนนปั้น เขตบางรัก ภายในวัดมีเจ้าแม่อุมาเทวีหรือ "องค์พระแม่ศรีมหามารีอัมมัน" เป็นเทพองค์ประธานและยังมีเทพอื่นๆ อีกหลายองค์ เช่น พระพิฆเณศวร์
ในช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีพิธี "นวราตรี" ซึ่งจัดขึ้นเพื่อบูชาพระศรีมหาอุมาเทวี มีประชาชนจำนวนมากทั้งชาวฮินดู ชาวไทย และชาวต่างชาติ มาเข้าร่วมพิธีอย่างคับคั่ง โดยผู้สักการะมักขอพรเจ้าแม่ให้ตนเองมีสุขภาพแข็งแรง เปิดทำการทุกวัน เวลา 06.00-20.00 น.

อำนาจบารมี

สำหรับท่านที่ต้องการความมั่นคงในชีวิตมีอำนาจบารมี มักนิยมเดินทางไปสัการะศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อเสือ พระบรมรูปทรงม้า และพระรูปกรมหลวงชุมพรฯ

6.ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร
ตั้งอยู่ถนนราชดำเนิน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ภายในมีเทพารักษ์เป็นที่ประดิษฐานเทพารักษ์ผู้ดูแลรักษาพระนคร 5 องค์ คือ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ และพระกาฬไชยศรี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานพระอุเทนทราธิราชและพระสยามเทวาธิราชจำลองไว้ภายในด้วย
ศาลหลักเมืองเปิดทำการทุกวัน เวลา 05.30 - 19.30 น. เครื่องสักการะมีจำหน่ายในบริเวณศาล ชุดละ 30 บาท ประกอบด้วย ดอกไม้ พวงมาลัย ผ้าแพร 3 สี ธูป เทียน และทองคำเปลว โดยเชื่อว่าไหว้ศาลหลักเมืองแล้วจะช่วยตัดเคราะห์ต่อชะตาและเสริมวาสนาบารมี นอกจากไหว้ศาลหลักเมืองเเล้ว หลายคนยังนิยมเสียงทายสิ่งที่ตนปราถนาด้วยการยก"พระพุทธรูปเสี่ยงทาย"

7.ศาลเจ้าพ่อเสือ
ศาลเจ้าเก่าเเก่ที่มีเทพประจำศาลคือ "เสียนเทียนซั่งตี้" หรือ "เจ้าพ่อเสือ" ตั้งอยู่บนถนนตะนาวตัดกับถนนมหรรณพ ภายในประดิษฐานรูปเสือ โดยเอากระดูกเสือบรรจุไว้ภายในแล้วอัญเชิญดวงวิญญาณเสือสถิตไว้เพื่อปกป้องประชาราษฏร์ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
ศาลเจ้าพ่อเสือเป็นที่นับถือของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมอำนาจบารมีให้ดียิ่งขึ้นบางครอบครัวบนบานเพื่อขอให้มีบุตร เมื่อสมความปราถนาก็จะกลับมาถวายเนื้อหมูสด ไข่ไก่สด เป็นเครื่องสักการะ นอกจากเจ้าพ่อเสือแล้วยังมีเจ้าพ่อกวนอูและเจ้าแม่ทับทิมให้สักการะด้วย เปิดทำการทุกวันเวลา 06.00-17.00 น.

8.พระบรมรูปทรงม้า
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประชาชนเรียกกันคุ้นปากว่า "พระบรมรูปทรงม้า"สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่อพสกนิกร แม้เมื่อเสร็จสวรรคตแล้วก็ทรงเป็นที่นับถือในหมู่ประชาชนตลอดมา
คนไทยจำนวนมากเรียกขานพระนามของพระองค์ท่านว่า "เสด็จพ่อ ร.5" ด้วยความรักและเทิดทูนทั้งยังเชื่อว่าการบูชาพระองค์ท่านจะช่วยให้มีโชคในการประกอบอาชีพการงาน ทุกๆวัน โดยเฉพาะวันอังคารซึ่งเป็นวันพระราชสมภพจะมีคนจำนวนมากนำดอกกุหลาบสีชมพูไปถวาย ณ ลานพระบรมรูป หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม

9.พระรูปกรมหลวงชุมพรฯ
พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระพระโอรสองค์ที่ 28 ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้นราชสกุล "อาภากร" ผู้ทรงวางรากฐานกิจการกองทัพเรือและก่อตั้งโรงเรียนนายเรือ จนได้รับขนานพระนามว่า "พระบิดาของทหารเรือไทย" ทรงเป็นที่เคารพนับถือของทหารเรือและประชาชนทั่วไป ซึ่งเรียกขานพระองค์ว่า "เสด็จเตี่ย"
ในกรุงเทพฯ พระรูปของกรมหลวงชุมพรฯ มีอยู่หลายที่ แต่ที่ผู้คนนิยมไปกราบไหว้กันมาคือที่ "วังนางเลิ้ง" ซึ่งเคยเป็นพระตำหนักที่ประทับเมื่อยังทรงพระชนม์ชีพ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตพณิชยการพระนคร เครื่องเซ่นไหว้ที่มักนำไปถวาย คือ หมากพลูและประทัด

Thanks : Sanook.com

Facebook Twitter Delicious Digg Stumbleupon Favorites More