เรื่องความสวยความงามไม่เข้าใครออกใครค่ะ ยิ่งในยุคที่สื่อนำเสนอแต่ภาพคนสวยคนหล่อให้เห็นจนชินตาจน กลายเป็นต้นแบบให้เรา ๆ ต้องอยากสวยตามกันอย่างไม่มีเหตุผล และไม่เพียงเฉพาะกับวัยรุ่นเท่านั้นค่ะที่อยากสวย แม้แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ยอมแพ้เรื่องนี้เช่นกัน
ในช่วงตั้งครรภ์เป็นช่วงที่ว่ากันว่า กำลังมีการเจริญพันธุ์ของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ โดยเฉพาะว่าที่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ลูกชาย ซึ่งเชื่อกันว่าฮอร์โมนของลูกชายจะยิ่งทำให้คุณแม่มีสิวเห่อขึ้นมา ทำให้เคุณแม่คนสวยต้องหาทางรักษาสิว บางคนปรึกษาแพทย์ แต่บางคนก็หายามาใช้เอง อย่างหลังนี่แหละค่ะที่อันตราย เพราะยารักษาสิวบางตัวเป็นอันตรายต่อทารกใน ครรภ์นะคะถ้าไม่ศึกษาและได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ในกลุ่มของผู้ที่รักษาสิว มักจะทราบกันดีว่าจะมีกลุ่มยาบางตัวที่ไม่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะก่อน ทำการรักษาหรือจ่ายยาเหล่านั้น แพทย์ผิวหนังจะต้องถามเราก่อนเสมอว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ หรือกำลังวางแผนจะตั้งครรภ์หรือไม่ เพราะยาดังกล่าวจะส่งผลให้ทารกที่เกิดมามีความผิดปกติได้ ดังนั้น ว่าที่คุณแม่ที่ยังอยากสวย แม้จะตั้งครรภ์ก็อย่าให้ความอยากสวยมาทำร้ายเจ้า ตัวเล็กนะคะ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า มียากลุ่มไหนบ้างที่เป็นอันตรายต่อคุณแม่และเบบี๋ในท้อง
กลุ่มยารักษาสิวแบบทา
1. ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอ หรือ เรตินอยด์ ได้แก่ Tretinoin, Isotretinoin, Adapaleno ซึ่งยากลุ่มนี้ยังไม่ยืนยันความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์
2. Tazarolene ห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์โดยเด็ดขาด
กลุ่มยารักษาสิวแบบทาน
1. ยากลุ่มเดตตร้าชัยคลิน ได้แก่ Tetracycline, Doxycycline และ Minoeyeline ซึ่งเป็นยากินรักษาสิวที่ใช้กันมาก เนื่องจากยาตัวนี้มีผลต่อกระดูกและฟันของเด็กอ่อนในครรภ์และเด็ก
2. กลุ่มฮอร์โมน เช่น Spironolactone, Cyproterone acetate ระหว่างกินยาชนิดนี้ก็ห้ามตั้งครรภ์ เพราะลูกน้อยในท้องที่เป็นเพศชายคลอดออกมามีลักษณะคล้ายเพศหญิง
3. ยากลุ่มวิตามิเอ คือ เรตินอยด์ หรือ Isotretinoin ยาตัวนี้จะทำให้ทารกในครรภ์พิการได้อย่างมาก คือ ศีรษะโตหรือเล็กผิดปกติ ในหน้าและตาผิดปกติปัญญาอ่อน หรือหัวใจผิดปกติได้ ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องจำขึ้นใจอย่าใช้ยาตัวนี้เด็ดขาด หรือใครที่คิดจะตั้งครรภ์ เคยใช้ยาตัวนี้ก็ต้องหยุดกินยาให้ครบ 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์จึงปลอดภัย
และระหว่างให้นมลูกก็ห้ามใช้ยาตัวนี้ด้วยเช่นกัน รวมไปถึงห้ามบริจาคเลือดระหว่างกินยานี้ การใช้ยาต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ส่วนความผิดปกติที่พบร้อยละ 25-30 ของหญิงตั้งครรภ์ที่กินตัวยานี้ เด็กมีความผิดปกติในกะโหลกและใบหน้า หัวใจ ระบบประสาทส่วนกลาง
คุณแม่อยากหน้าใสทำอย่างไรดี
ง่าย ๆ เลยค่ะ พบและปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ และควรแจ้งคุณหมอด้วยว่าขณะนี้กำลังตั้งครรภ์กี่เดือน เพื่อให้การจ่ายยารักษาสิวเป็นไปอย่างปลอดภัยมากที่สุด และหากอยากเลี่ยงการใช้ยารักษาสิวโดยสิ้นเชิง ก็ยังมีการรักษาสิวด้วยวิธีอื่น เช่น การรักษาด้วยเลเซอร์ ซึ่งจะให้ผลที่ดีกว่าและช่วงรักษาได้เฉพาะจุด โดยไม่เป็นอันตรายเจ้าตัวน้อยในครรภ์ด้วยค่ะ
รวมไปถึงการรักษาด้วย การรักษาความสะอาดเป็นสำคัญค่ะ ล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว หรือจะใช้สมุนไพรที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ ขัดหรือพอกหน้าดูก็ได้ค่ะ และถ้ายังห่วงเรื่องความปลอดภัยก็ปรึกษาก่อนเพื่อความมั่นใจ
อย่าลืมเป็นอันขาดนะคะว่าถึงจะอยากสวยแค่ไหน แต่เจ้าตัวน้อยในครรภ์ก็สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดค่ะ เราอาจจะต้องดูแลเจ้าตัวน้อยให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยหันมาดูแลตัวเองก็ยังไม่สายนะคะ ความสวยรอได้ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก MomyPedia
0 comments:
Post a Comment